วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ผู้หญิงฮิตเจาะ....แฟชั่นเสี่ยงภัย
ละเลยความสะอาดเพิ่มโอกาสติดเชื้อ
แฟชั่นการเจาะเริ่มต้นจากความสวยความงามของผู้หญิงเรา ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ นิยมเจาะหูไว้ส่วมใส่เครื่องประดับประเภทต่างหู แต่ในปัจจุบัน"วัยรุนหญิงยุคใหม่" ทั้งไทยและต่างประเทศกลับนิยมหันมาเจาะอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเป็นกระแสแฟชั่น
จากผลสำรวจวัยรุ่นอเมริกายุคใหม่ พบ นักเรียนหรือนักศึกษาวัยรุ่นนิยมเจาะลิ้น เจาะปาก เจาะสะดือ เจาะใบหูตอนบน แถมเจาะร่างกายส่วนอื่น ๆ กันมากขึ้น เพราะรู้สึกดีเวลาอยู่ในกลุ่มของเพื่อนฝูงที่เจาะร่างกายมาเหมือน ๆ กัน พวกเขารู้สึกว่าเป็นแฟชั่นเก๋มากกว่าแค่การเจาะติ่งหู
โดยพฤติกรรรมการใช้บริการเจาะ ขึ้นอยู่กับแรงจูงใจที่ส่วนมากทำตามกลุ่มเพื่อน เลือกใช้บริการเจาะหูตามร้านค้าที่เปิดให้บริการ ที่แต่ละร้านมีกลยุทธ์เรียกลูกค้าด้วยวิธีการเสนอเจาะให้ฟรี แต่มีข้อแม้ต้องซื้อต่างหูหรืออุปกรณ์ขยายรูหูที่ร้านเสียก่อน ซึ่งสาว ๆ ส่วนมากมักเริ่มที่อวัยวะส่วน "หู" เจาะ ผ่านกระดูกอ่อนเป็นช่องบริเวณใบหูด้านบนและติ่งหู ขนาดรูจะเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่การเลือกขนาดต่างหูที่ต้องการใส่ เป็นที่มาของการระเบิดหูในกลุ่มวัยรุ่น ที่ปัจจุบันหันมานิยมเจาะหูให้มีรูใหญ่กว่าปกติ จนเป็นที่น่าพอใจแล้วจึงใส่ตุ้มหูที่ต้องการ
เท่านั้นยังไม่พอ!! กระแสแฟชั่นฮิตเจาะยังรุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเจาะลิ้น ปาก คิ้ว สะดือ หัวนม ไม่เว้นแม้แต่จุดลับของผู้หญิง โดยแผลบริเวณหัวนมและสะดือ รวมไปถึงอวัยวะเพศหญิงนี้จะหายช้ากว่าส่วนอื่น เนื่องจากการเคลื่อนไหวเสียดสีกับเสื้อผ้า ทำให้เกิดการอักเสบและอับชื้นจากเครื่องประดับที่ใส่ไว้ สำหรับการเจาะผิวหนังในช่องปากจะมีเลือดออกมากโดยเฉพาะบริเวณลิ้น ถ้าเจาะถูกหลอดเลือดขนาดใหญ่จะยิ่งทำให้สูญเสียเลือดมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้…การเจาะลิ้นยังทำให้เกิดเลือดคั่งหลังเจาะ บางครั้งแผลบวมเจ็บปวดมากทำให้รับประทานอาหารไม่สะดวก น้ำลายออกมาก การดูแลแผลจะยุ่งยากเกิดปัญหาระยะยาว คือเครื่องประดับที่ใส่ลิ้นจะกระทบกับฟัน ทำให้ฟันสึกบิ่นหรือหัก บางรายอาจทำให้รากฟันตาย อีกทั้งการใส่ตุ้มประดับในช่องปาก ยังเป็นที่หมักหมมของเศษอาหารทำให้เกิดการอักเสบ มีกลิ่นปาก พูดไม่ชัด เกิดปัญหาในการสื่อสารกับผู้อื่น สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อในช่องปาก ที่พบสูงกว่าการเจาะผิวหนังบริเวณอื่น
ผลเสียของการเจาะหูก็มีเช่นกัน จำได้ว่าสมัยที่ยังเป็นนักเรียน เพื่อน ๆ หลายคนชอบเจาะหูกันเอง โดยใช้น้ำแข็งมาแปะที่หูให้ชา ไม่ก็ใช้ยาหม่องนวดจนร้อน แล้วใช้ต่างหูเงินเช็ดแอลกอฮอล์จิ้มเข้าไปในหู มีบางคนใช้เข็มเย็บผ้าร้อยด้าย เป็นอุปกรณ์เจาะหูแล้วปล่อยด้ายทิ้งคารูเจาะไว้ จากนั้นไม่นานเพื่อนสาวร่วมห้อง ก็มีอาการแผลอักเสบและน้ำเหลืองไหล สุดท้ายทนไม่ไหวต้องไปพบแพทย์ในที่สุด
สอดรับกับสมาคมแพทย์อเมริกัน ที่ออกมาเตือนวัยรุ่นฮิตเจาะทั้งหลายว่า การเจาะหูที่ทำโดยบุคคลที่ไม่มีความรู้ความชำนาญทางด้านการแพทย์ อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ เพราะถ้าเครื่องมืออุปกรณ์ในการเจาะไม่สะอาดพอ อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนและติดเชื้อโรคที่ติดต่อทางเลือดได้
เริ่มตั้งแต่ "โรคตับอักเสบ" ผลจากการใช้เข็มร่วมกันเสี่ยงรับเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และซี เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรค ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นบริเวณตับ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย บางรายมีไข้ต่ำ ๆ คลื่นใส้ และอาเจียน บางรายตัวเหลื่อง ตาเหลือง โดยโรคตับอักเสบ ต้องอาศัยการตรวจเลือดเพื่อดูอาการของตับ เพื่อให้ทราบถึงตัวเชื้อต้นเหตุ
ตามมาด้วย "โรคเอดส์" โรคร้ายทำร้ายคุณภาพชีวิต ผลจากการได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีที่ติดมากับอุปกรณ์เจาะ ทำให้สุขภาพร่างกายอ่อนแอและมีโอกาสเป็นโรคภัยอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคมะเร็งมะเร็งหลอดเลือด เป็นต้น
มีข้อควรระวัง!!..สำหรับผู้หญิงบางประเภทที่ไม่ควรเจาะผิวหนัง เช่น ผู้ที่เป็นโรคโลหิตไหลไม่หยุดหรือที่เรียกว่าฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) โรค ภูมิแพ้ผิวหนังและพุพอง โรคลิ้นหัวใจพิการ และผู้ที่แพ้เครื่องประดับที่เป็นโลหะโดยเฉพาะโลหะนิเกิล ย่อมเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ง่าย
รู้อย่างนี้แล้วสาว ๆ ที่คิดจะไปเจาะตามแฟชั่นสมัยนิยม ขอแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงทำสิ่งอื่นใด ๆ บริเวณอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยในชีวิต แต่หากต้องการใส่ต่างหูประดับความสวยงามแบบลูกผู้หญิง แค่เจาะหูเพียงอย่างเดียวก็เติมเสน่ห์ให้ผู้หญิงอย่างเราได้แล้ว
แต่หากสาว ๆ คนไหนที่ยังคิดจะเจาะหู ควรเตือนตัวเองไว้ เลือกผู้ที่ชำนาญหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้เจาะให้จะดีกว่า ถ้าไม่ยากได้ของแถมเป็นเชื้อโรคติดมือกลับมาบ้าน รบกวนสุขภาพของคุณในภายหลัง.....
ข้อมูลจาก สสส
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น